20 บทเรียนชีวิต … ที่คุณอาจคิดไม่ถึง..
เมื่อครั้งที่ฉันเข้าเรียนในวิทยาลัยได้สองเดือน อาจารย์ให้พวกเราทำแบบทดสอบอันหนึ่ง ฉันเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน จึงตอบคำถามได้อย่างสบาย จนมาถึงคำถามสุดท้าย.. "สุภาพสตรีที่เป็นคนทำความสะอาดโรงเรียนชื่อว่า อะไร ?" ต้องเป็นเรื่องตลกอะไรสักอย่างแน่ ฉันเคยเจอคนทำความสะอาดหลายครั้ง เธอเป็นคนตัวสูง ผมดำ และอายุกว่า 50 แต่ฉันจะรู้ชื่อเธอได้อย่างไร? ฉันส่งกระดาษคำตอบ โดยไม่ได้ตอบข้อสุดท้าย
ก่อนหมดคาบเรียน นักศึกษาคนหนึ่งถามว่า คำถามข้อสุดท้ายจะถูกคิดรวมในคะแนนของผลการเรียนด้วยหรือไม่ "แน่นอน" อาจารย์ตอบ "เพราะเมื่อเธอเข้าทำงาน เธอจะต้องพบกับคนมากมาย ซึ่งทุกคนมีความสำคัญพอที่สมควรจะได้รับความสนใจและเอาใจใส่ แม้ว่าพวกเธอจะทำได้แค่เพียงยิ้มให้และกล่าวสวัสดีก็ตาม"
บทเรียนสำคัญที่สอง – รับคนกลางฝน
คืนหนึ่ง เวลา 23:30 น. สตรีสูงอายุเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่ง ยืนอยู่ริมทางหลวงสายบามา ต้านฝนที่ตกหนักอยู่ รถของเธอเสีย และเธอต้องการเดินทางต่อไปอย่างมากแม้จะเปียกโชก เธอตัดสินใจโบกรถคันที่วิ่งผ่านมา ชายหนุ่มผิวขาวผู้หนึ่งหยุดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในยุคที่มีความขัดแย้ง เรื่องการเหยียดผิวอย่างทศวรรษ ที่60 ชายหนุ่มช่วยเหลือให้เธอได้รับความปลอดภัยและส่งเธอขึ้นรถแท็กซี่ แม้ว่าเธอจะเร่งรีบมาก แต่ก็ขอบคุณเขา และจดที่อยู่ของเขาไปด้วย
เจ็ดวันหลังจากนั้น ก็มีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านของเขาด้วยความประหลาดใจ โทรทัศน์สีจอยักษ์เครื่องหนึ่งถูกนำมาส่งยังบ้านของเขาและมีข้อความแนบ มาด้วย ใจความว่า …
"ขอบพระคุณมากสำหรับความช่วยเหลือบนทางหลวงในคืนนั้น ฝนไม่ได้ชะแต่เพียงเสื้อผ้าของฉันเท่านั้น แต่ชะเอากำลังใจของฉันไปด้วย แต่เมื่อคุณผ่านมา เป็นเพราะคุณ ฉันจึงสามารถไปทันดูใจสามีที่กำลังจะเสียชีวิต ทันเวลาก่อนที่เขาจะสิ้นลมพอดี ขอพระเจ้าอวยพรคุณ สำหรับการช่วยฉัน และการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัวของคุณ" ด้วยความจริงใจ นางแนท คิง โคล
บทเรียนสำคัญที่สาม – ระลึกถึงคนที่ให้บริการเสมอ
ในสมัยที่ไอศครีมซันเดยังมีราคาถูกอยู่มาก เด็กชายอายุสิบขวบคนหนึ่งเข้าไปในคอฟฟี่ช็อปของโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วนั่งที่โต๊ะ เมื่อพนักงานเสิร์ฟวางแก้วนั้นลงตรงหน้า เด็กชายก็ถามว่า
"ไอศครีมซันเดย์ ราคาเท่าไหร่ครับ ?" "ห้าสิบเซ็นต์" พนักงานเสิร์ฟสาวตอบ แล้วเด็กชายก็ดึงมือออกจากกระเป๋าแล้วก็นับเหรียญในมือ "งั้นไอศกรีมเปล่าๆ ล่ะครับ ราคาเท่าไหร่?" เด็กชายถามอีก ตอนนี้เริ่มมีคนรอโต๊ะมากขึ้นและพนักงานเสริฟสาวก็เริ่มจะหมดความอดทน "สามสิบห้าเซ็นต์" เธอตอบห้วนๆ เด็กชายนับเหรียญในมืออีกครั้ง "ผมขอไอศครีมเปล่าครับ" เด็กชายบอก
แล้วพนักงานเสริฟสาวก็เอาไอศครีมมาให้ เอาใบเสร็จมาให้แล้วก็เดินหนีไป เด็กชายทานไอศครีมหมดแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วก็จากไป เมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินกลับมา เธอก็เริ่มร้องไห้เมื่อเธอเช็ดโต๊ะ บนโต๊ะนั้นมีเหรียญนิกเกิลราคาห้าเซ็นต์สองเหรียญ และเหรียญเพนนีอีกห้าเหรียญวางอยู่อย่างบรรจงข้างถ้วยไอศครีมเปล่านั้น เห็นไหมว่า ที่เด็กชายไม่ทานไอศครีมซันเด เพราะเขาต้องเหลือเงินไว้ทิปพนักงานเสิร์ฟสาวคนนั้น
บทเรียนสำคัญที่สี่ – สิ่งที่กีดขวางทางของเรา
ในยุคโบราณมีหินผาตกลงมาขวางถนนเส้นหนึ่ง เมื่อพระราชามาพบเข้าจึงซ่อนพระองค์อยู่ เพื่อคอยดูว่าจะมีใครมาเอาหินใหญ่ก้อนนั้นออกไปจากทาง เมื่อเสนาบดีในราชสำนักของพระองค์และพ่อค้าผู้ร่ำรวยผ่านมา ก็เพียงแต่อ้อมหินผาก้อนใหญ่นั้นไป พวกเขากล่าวตำหนิพระราชาต่างๆ นานาที่พระองค์ ไม่ใส่พระทัยที่จะดูแลทางนั้นให้ดี แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรที่จะเอาหินนั้นออกไปให้พ้นทาง
จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งแบกผักกองใหญ่ผ่านมา เมื่อเขาเดินมาถึงหินผานั้น เขาก็วางสัมภาระลง แล้วพยายามที่จะขยับก้อนหินนั้นให้พ้นทาง หลังจากทั้งผลักทั้งดึงหินก้อนนั้น ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ เมื่อเขาหยิบสัมภาระของเขาขึ้นมา ก็เห็นถุงเงินวางอยู่ตรงจุดที่ก้อนหินผาเคยอยู่ ในถุงนั้นมีเหรียญทองและจดหมายจากพระราชา เขียนไว้ว่า "ทองในถุงนั้นเป็นของผู้ที่เอาหินผาออกไปจากถนน" ชาวบ้านคนนั้นได้รู้สิ่งที่เราไม่เคยได้รู้ ทุกๆ "อุปสรรคที่กีดขวางทางนั้น จะมอบโอกาสที่เราจะดีขึ้นให้กับเรา"
บทเรียนสำคัญที่ห้า – ให้เมื่อมันมีค่า
หลายปีมาแล้ว เมื่อฉันไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ฉันได้รู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ ลิซ ซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายที่มีน้อยคนที่จะเป็นโอกาสที่เธอจะหายจากโรคนี้ได้คือ ต้องทำการถ่ายเลือดจากน้องชายอายุห้าขวบของเธอ ผู้ซึ่งรอดจากโรคร้ายนี้ได้อย่างปาฏิหาริย์ จึงทำให้เขาร่างกายเขาสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายนี้ขึ้นมา หมออธิบายสถานการณ์ให้น้องชายของเธอฟัง และถามเด็กชายว่าเขาต้องการจะให้เลือดของเขาแก่พี่สาวหรือไม่
ฉันเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า "ได้ครับ หากมันช่วยพี่สาวผมได้" เมื่อทำการถ่ายเลือด เขานอนยิ้มอยู่ที่เตียงข้างๆ พี่สาว ในขณะที่เราเริ่มจะเห็นสีสันคืนสู่แก้มของเธอ หน้าของเด็กชายก็เริ่มซีดและรอยยิ้มก็จางหายไป เด็กชายมองไปที่หมอ และถามด้วยเสียงสั่นเครือ
"ผมกำลังจะตายใช่ไหม?" ด้วยความเป็นเด็ก เขาเข้าใจหมอผิดไป เด็กชายคิดว่าเขาต้องให้เลือดทั้งหมดของเขาแก่พี่สาว เพื่อช่วยชีวิตเธอ ซึ่งเขาก็ยังตัดสินใจที่จะถ่ายเลือด แม้จะทำให้เขาต้องตายก็ตาม … นี่แหละคือความรักที่เขาจะมอบให้พี่สาวของเขา
** ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแค่สิ่งเล็กๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคนเรานั้น เราควรจะใส่ใจทุกนาที บางครั้งสิ่งเล็กๆนั้นอาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาลก็ได้ ใครจะไปรู้
ก่อนหมดคาบเรียน นักศึกษาคนหนึ่งถามว่า คำถามข้อสุดท้ายจะถูกคิดรวมในคะแนนของผลการเรียนด้วยหรือไม่ "แน่นอน" อาจารย์ตอบ "เพราะเมื่อเธอเข้าทำงาน เธอจะต้องพบกับคนมากมาย ซึ่งทุกคนมีความสำคัญพอที่สมควรจะได้รับความสนใจและเอาใจใส่ แม้ว่าพวกเธอจะทำได้แค่เพียงยิ้มให้และกล่าวสวัสดีก็ตาม"
บทเรียนสำคัญที่สอง – รับคนกลางฝน
คืนหนึ่ง เวลา 23:30 น. สตรีสูงอายุเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่ง ยืนอยู่ริมทางหลวงสายบามา ต้านฝนที่ตกหนักอยู่ รถของเธอเสีย และเธอต้องการเดินทางต่อไปอย่างมากแม้จะเปียกโชก เธอตัดสินใจโบกรถคันที่วิ่งผ่านมา ชายหนุ่มผิวขาวผู้หนึ่งหยุดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในยุคที่มีความขัดแย้ง เรื่องการเหยียดผิวอย่างทศวรรษ ที่60 ชายหนุ่มช่วยเหลือให้เธอได้รับความปลอดภัยและส่งเธอขึ้นรถแท็กซี่ แม้ว่าเธอจะเร่งรีบมาก แต่ก็ขอบคุณเขา และจดที่อยู่ของเขาไปด้วย
เจ็ดวันหลังจากนั้น ก็มีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านของเขาด้วยความประหลาดใจ โทรทัศน์สีจอยักษ์เครื่องหนึ่งถูกนำมาส่งยังบ้านของเขาและมีข้อความแนบ มาด้วย ใจความว่า …
"ขอบพระคุณมากสำหรับความช่วยเหลือบนทางหลวงในคืนนั้น ฝนไม่ได้ชะแต่เพียงเสื้อผ้าของฉันเท่านั้น แต่ชะเอากำลังใจของฉันไปด้วย แต่เมื่อคุณผ่านมา เป็นเพราะคุณ ฉันจึงสามารถไปทันดูใจสามีที่กำลังจะเสียชีวิต ทันเวลาก่อนที่เขาจะสิ้นลมพอดี ขอพระเจ้าอวยพรคุณ สำหรับการช่วยฉัน และการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัวของคุณ" ด้วยความจริงใจ นางแนท คิง โคล
บทเรียนสำคัญที่สาม – ระลึกถึงคนที่ให้บริการเสมอ
ในสมัยที่ไอศครีมซันเดยังมีราคาถูกอยู่มาก เด็กชายอายุสิบขวบคนหนึ่งเข้าไปในคอฟฟี่ช็อปของโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วนั่งที่โต๊ะ เมื่อพนักงานเสิร์ฟวางแก้วนั้นลงตรงหน้า เด็กชายก็ถามว่า
"ไอศครีมซันเดย์ ราคาเท่าไหร่ครับ ?" "ห้าสิบเซ็นต์" พนักงานเสิร์ฟสาวตอบ แล้วเด็กชายก็ดึงมือออกจากกระเป๋าแล้วก็นับเหรียญในมือ "งั้นไอศกรีมเปล่าๆ ล่ะครับ ราคาเท่าไหร่?" เด็กชายถามอีก ตอนนี้เริ่มมีคนรอโต๊ะมากขึ้นและพนักงานเสริฟสาวก็เริ่มจะหมดความอดทน "สามสิบห้าเซ็นต์" เธอตอบห้วนๆ เด็กชายนับเหรียญในมืออีกครั้ง "ผมขอไอศครีมเปล่าครับ" เด็กชายบอก
แล้วพนักงานเสริฟสาวก็เอาไอศครีมมาให้ เอาใบเสร็จมาให้แล้วก็เดินหนีไป เด็กชายทานไอศครีมหมดแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วก็จากไป เมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินกลับมา เธอก็เริ่มร้องไห้เมื่อเธอเช็ดโต๊ะ บนโต๊ะนั้นมีเหรียญนิกเกิลราคาห้าเซ็นต์สองเหรียญ และเหรียญเพนนีอีกห้าเหรียญวางอยู่อย่างบรรจงข้างถ้วยไอศครีมเปล่านั้น เห็นไหมว่า ที่เด็กชายไม่ทานไอศครีมซันเด เพราะเขาต้องเหลือเงินไว้ทิปพนักงานเสิร์ฟสาวคนนั้น
บทเรียนสำคัญที่สี่ – สิ่งที่กีดขวางทางของเรา
ในยุคโบราณมีหินผาตกลงมาขวางถนนเส้นหนึ่ง เมื่อพระราชามาพบเข้าจึงซ่อนพระองค์อยู่ เพื่อคอยดูว่าจะมีใครมาเอาหินใหญ่ก้อนนั้นออกไปจากทาง เมื่อเสนาบดีในราชสำนักของพระองค์และพ่อค้าผู้ร่ำรวยผ่านมา ก็เพียงแต่อ้อมหินผาก้อนใหญ่นั้นไป พวกเขากล่าวตำหนิพระราชาต่างๆ นานาที่พระองค์ ไม่ใส่พระทัยที่จะดูแลทางนั้นให้ดี แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรที่จะเอาหินนั้นออกไปให้พ้นทาง
จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งแบกผักกองใหญ่ผ่านมา เมื่อเขาเดินมาถึงหินผานั้น เขาก็วางสัมภาระลง แล้วพยายามที่จะขยับก้อนหินนั้นให้พ้นทาง หลังจากทั้งผลักทั้งดึงหินก้อนนั้น ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ เมื่อเขาหยิบสัมภาระของเขาขึ้นมา ก็เห็นถุงเงินวางอยู่ตรงจุดที่ก้อนหินผาเคยอยู่ ในถุงนั้นมีเหรียญทองและจดหมายจากพระราชา เขียนไว้ว่า "ทองในถุงนั้นเป็นของผู้ที่เอาหินผาออกไปจากถนน" ชาวบ้านคนนั้นได้รู้สิ่งที่เราไม่เคยได้รู้ ทุกๆ "อุปสรรคที่กีดขวางทางนั้น จะมอบโอกาสที่เราจะดีขึ้นให้กับเรา"
บทเรียนสำคัญที่ห้า – ให้เมื่อมันมีค่า
หลายปีมาแล้ว เมื่อฉันไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ฉันได้รู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ ลิซ ซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายที่มีน้อยคนที่จะเป็นโอกาสที่เธอจะหายจากโรคนี้ได้คือ ต้องทำการถ่ายเลือดจากน้องชายอายุห้าขวบของเธอ ผู้ซึ่งรอดจากโรคร้ายนี้ได้อย่างปาฏิหาริย์ จึงทำให้เขาร่างกายเขาสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายนี้ขึ้นมา หมออธิบายสถานการณ์ให้น้องชายของเธอฟัง และถามเด็กชายว่าเขาต้องการจะให้เลือดของเขาแก่พี่สาวหรือไม่
ฉันเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า "ได้ครับ หากมันช่วยพี่สาวผมได้" เมื่อทำการถ่ายเลือด เขานอนยิ้มอยู่ที่เตียงข้างๆ พี่สาว ในขณะที่เราเริ่มจะเห็นสีสันคืนสู่แก้มของเธอ หน้าของเด็กชายก็เริ่มซีดและรอยยิ้มก็จางหายไป เด็กชายมองไปที่หมอ และถามด้วยเสียงสั่นเครือ
"ผมกำลังจะตายใช่ไหม?" ด้วยความเป็นเด็ก เขาเข้าใจหมอผิดไป เด็กชายคิดว่าเขาต้องให้เลือดทั้งหมดของเขาแก่พี่สาว เพื่อช่วยชีวิตเธอ ซึ่งเขาก็ยังตัดสินใจที่จะถ่ายเลือด แม้จะทำให้เขาต้องตายก็ตาม … นี่แหละคือความรักที่เขาจะมอบให้พี่สาวของเขา
** ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแค่สิ่งเล็กๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคนเรานั้น เราควรจะใส่ใจทุกนาที บางครั้งสิ่งเล็กๆนั้นอาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาลก็ได้ ใครจะไปรู้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น